ข้ามไปที่เนื้อหา

กระทู้แนะนำ

  • Root Admin

 

8UrVrYK.png

 

 

ชื่อเวทมนตร์ของคุณ :

Alionso Eztela

 

ออกเสียงว่า :

เอ ลิ ออน โซ่ - เอส เต ลา

 

วัน/เดือน/ปีเกิด : 01 Zaema ( 01 July )

อายุ : ไม่ปรากฏรายปีซอร์เซอเรียน / ภายนอกมีภาพลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับผู้วิเศษวัย 20 ต้น

เพศสภาพ : ชาย

เพศวิถี : xxxx

 

 

 

รูปพรรณสัณฐาน

สีผมตามกำเนิด : dark brown

สีตาตามกำเนิด : green / hazel

สีผิวตามกำเนิด : light olive

ความสูง : 1.97 m

น้ำหนัก : 70 kg

 

 

 

ตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน :

รอยแผลตามใบหน้า บางครั้งก็เป็นรอยช้ำที่คาง บางทีก็เป็นรอยแผลเป็นที่ข้างแก้ม หรือร่องรอยของการกระแทกที่สันจมูกอย่างละเล็กน้อยทีละจุดจากความซุ่มซ่ามของเจ้าตัว นาน ๆ ทีถึงจะเห็นได้ว่าไร้รอยแผล

 

 

 

ลักษณะการแต่งตัว :

มักจะสวมเสื้อตัวหนาคอเต่าแขนยาวกินมือ ชอบแต่งตัวด้วยโทนสีเข้ม (น้ำตาล - น้ำเงิน - เทา) แต่ดันไม่ชอบสีดำ เขาไม่ได้มีเสื้อผ้าหลายแบบนัก แทบจะเป็นแบบเดียวกันทั้งตู้แต่แค่ต่างที่สี เวลาต้องออกไปทำธุระข้างนอกเขาจะใส่เสื้อโค้ทตัวยาวทับเพื่อให้ดูเรียบร้อยขึ้น ส่วนกางเกงจะเป็นขายาวที่ใส่สบาย คู่รองเท้าบูตที่ยัดเชือกไว้ข้าง ๆ โดยไม่คิดจะไม่ผูก เขาไม่ชอบใส่หมวก เพราะเวลาปกติเองก็ไม่ค่อยจัดทรงผมให้ดีซักเท่าไรทำให้ดูยุ่ง ๆ และมองเห็นได้ไม่ชัดว่าเขาใส่ต่างหูแบบโซ่ที่ข้างซ้ายด้วย เป็นชนิดเจาะสามรูตรงปีกหูหนึ่งและตรงติ่งหูอีกสอง โซ่เป็นสไตล์เรียบดูธรรมดา คล้องด้วยแท่งเงินขนาดสั้นบางสองชิ้นที่กระทบกันตอนขยับตัว เกิดเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ - ในพักหลังมาเขามักจะสวมล็อกเกตแบบเปิดฝาได้ทรงเหลี่ยมขนาดเล็กกว่าฝ่ามือ ในวันที่เร่งรีบบางครั้งก็จะเป็นสายยาวสอดในกระเป๋าข้างอกเสื้อแทน

 

 

 

อุปนิสัย :

ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากและวุ่นวายซักเท่าไร การอยู่คนเดียวจึงเป็นทางเลือกที่เขาชอบใช้เวลาเบื่อหน่ายหรือกำลังอารมณ์เสีย ดูเป็นคนที่ปิดกั้นตัวเองเพราะไม่ได้เริ่มเข้าหาคนอื่นก่อน เขามีน้ำเสียงนุ่มทุ้มและฟังดูสุภาพด้วยคำพูดที่เลือกใช้ แต่เอลิออนโซ่ไม่ใช่คนอ้อมค้อมหรือขี้เกรงใจ การพูดตรงในบางครั้งอาจทำให้คนฟังไม่พอใจได้ แม้ว่าเจตนาของคนพูดอย่างเขาจะไม่ได้ตั้งใจต่อว่าก็ตาม เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นแบบนั้น เขาเลยเป็นคนพูดน้อย ชอบฟังมากกว่าที่จะเปิดปากและไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์กับใคร รวมถึงไม่คิดจะแก้ตัวหรือให้ความสนใจกับเสียงกระซิบที่มาพร้อมกับสายตาแปลก ๆ เมื่อรู้ว่าเขาเป็นมาจิสเตอร์ - นั่นไม่ใช่ปัญหา แค่เรื่องน่ารำคาญในบางครั้งบางคราวเท่านั้น ยกเว้นแต่หากโดนเหน็บแนมหรือพูดไม่ดีอย่างจงใจต่อหน้า เขาคิดว่าแบบนั้นหมายถึงการเปิดโอกาสให้มีสิทธิ์ที่จะตอบโต้

 

 

 

เขาไม่ได้ชอบโลกใบนี้มากนักเหมือนที่ไม่ได้ชอบบ้านของตัวเอง และการมองโลกในแง่ร้ายไว้ก่อนไม่ใช่สิ่งที่ผิดในมุมมองของเขา เอลิออนโซ่ไม่คาดหวังว่าใครจะมาเข้าใจเขาหรือสนใจความรู้สึก - ไม่แคร์ ไม่สนใจ และปฏิเสธที่จะเป็นฝ่ายเข้าใจด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้เขาเริ่มรู้สึกจะมีปัญหาก็คือการที่รู้สึกตกเป็นรองหรือตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน ด้วยนิสัยปากหนักและมั่นใจในตัวเอง เขาจะไม่ยอมรับมันเลย และคิดว่าคงไม่มีวันยอมรับ แม้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ

 

 

 

เขารับมือกับความกดดันได้ดี แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะชินกับมันได้แม้ว่าจะเข้าสู่ช่วงวัยที่นับได้ว่าพ้นช่วงวัยรุ่นมาแล้วสำหรับอายุขัยของผู้วิเศษ ภาวะทางอารมณ์ของเขาเองก็ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับว่าจะแสดงออกไปอย่างไร ควบคุมได้ในระดับนี้ไปนานแค่ไหนมากกว่า ความอดทนของเอลิออนโซ่อยู่ในระดับกลางมากกว่าระดับของคนทั่วไปนิดหน่อย การแสดงออกว่าไม่พอใจจะเกิดขึ้นเมื่อหมดความอดทนแล้วปลีกตัวออกมาไม่สำเร็จสักที ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะกดนิสัยเสียข้อนี้ไว้ให้ลึกที่สุด แต่ไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าเขาจะไม่นอตหลุดขึ้นมาในสักวันหากโดนจี้จุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

 

 

เขามีความทะเยอะทะยานและกระหายที่จะพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง เชื่อมั่นทั้งในความสามารถของตัวเองและในความคิดของตัวเอง หรือเรียกอีกอย่างก็เป็นคนหัวรั้นในระดับนึง ดื้อเงียบ อาจจะไม่ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างทันทีทันใดหรือก้าวร้าวกับคนรอบข้าง เพียงแต่กว่าห้าจากสิบครั้งเขาเลือกที่จะไม่ปฏิบัติตามหากเห็นว่ามันไม่ได้ดีไปกว่าวิธีของตัวเขาเองเท่าไร - เขาไม่ยึดติดกับกฏกติกาใดใด บรรทัดฐานของการกระทำขึ้นอยู่กับดุลพินิจและการตัดสินใจของตัวเองเป็นหลัก ผ่านการรับฟังสิ่งที่เป็นประโยชน์ เลือกรับเฉพาะสิ่งที่เห็นว่าจำเป็นหรือใช้งานได้จริง เขาจะไม่เสียเวลากับอะไรที่เปล่าประโยชน์

 

 

 

ประวัติ :

เอลิออนโซ่มีความเป็นมาจิสเตอร์อยู่ในร่างกายน้อยกว่าในแง่ของความคิดเสียอีก ถึงเขาจะไม่ใช่ทายาทที่สืบสายจากผู้วิเศษอย่างบริสุทธิ์เต็มร้อย แต่ก็เป็นโชคดีหรือคำสาป เขาเองก็ไม่อาจรู้ได้ ภายหลังความล้มเหลวจากการพยายามในการฟื้นคืนเวทมนตร์ ตั้งแต่รุ่นต้นตระกูลซึ่งเป็นหนึ่งในบุตรธิดาแห่งนางไม้ผู้มีมลทินและบรรพบุรุษชาวมาจิสเตอร์ที่ต้องคำสาปนั้น การฟื้นคืนที่ว่าก็เริ่มประสบความสำเร็จแม้เพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้รุ่นลูกหลานที่เกิดตามมาส่วนใหญ่สามารถดึงพลังเวทมนตร์ในตัวออกมาได้มากยิ่งขึ้นโดยอาศัยการกระตุ้นด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย และเขาเป็นหนึ่งในมาจิสเตอร์เหล่านั้น บ้างก็ว่าสิ่งนี้คือความดิ้นรนของบรรพบุรุษ เพื่อส่งต่อความเกลียดชังที่มีต่อผู้ริดรอนเวทและก้าวข้ามขีดจำกัดของสายเลือด บ้างก็ว่าสิ่งนี้คือเมตตาของพระเจ้า โอกาสที่มีให้เพื่อมาจิสเตอร์ได้แก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาดไปในครั้งอดีต

 

ในส่วนของเอลิออนโซ่ ทัศนคติของเขาเอนเอียงไปในแบบแรกเสียมากกว่า แนวคิดของมาจิสเตอร์หัวโบราณทั้งหลายเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อเขาเป็นหนึ่งในลูกหลานของตระกูลเอสเตลา พวกเขาสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษชาวมาจิสเตอร์รุ่นแรกโดยตรง ดังนั้น ต่อให้โลกจะเปลี่ยนไปมากแล้วในยุคสมัยนี้ แต่ความเป็นอิสรชน ความทะเยอทะยานที่จะบรรลุเป้าหมาย อุปนิสัยรวมไปถึงความคิดในเชื้อสายของมาจิสเตอร์ตระกูลนี้ก็ยังคงมีอยู่อย่างมากล้นผ่านการปลูกฝังและเลี้ยงดูบุตรธิดา แม้ว่าในทางตรงกันข้าม ยิ่งผสมสายเลือดกับเผ่าพันธุ์อื่นจะยิ่งทำให้เวทมนตร์ของมาจิสเตอร์เจือจางลงทุกทีก็ตาม

 

ผู้อาวุโสทั้งหลายเชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการตอบรับจากพระเจ้า พวกเขาแสร้งทำเป็นว่าไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ทว่าไม่ได้ลืมเลือน และมุ่งที่จะเข้มงวดทายาทในรุ่นต่อไปกับทุกสิ่งที่จะทำได้ เพื่อควบคุมความคิด เพื่อบีบให้เกิดการรีดเร้นพลังเวทมนตร์ออกมาให้ได้มากขึ้นจนเกิดการแข่งขันกันเองภายในตระกูล และเป็นเขาอีกครั้งที่ยังตกอยู่ในวังวนนี้ ผู้เป็นแม่ได้จากเขาไปด้วยโรคร้ายตั้งแต่เอลิออนโซ่อายุไม่ครบสิบปี และพ่อของเขา - ผู้ที่ไม่ใช่ชาวมาจิสเตอร์ ไม่ใช่แม้กระทั่งผู้วิเศษ ก็เป็นเพียงใครสักคนที่ไม่เคยได้เข้ามาเหยียบคฤหาสน์ของตระกูลเอสเตลาอีกนับแต่วันที่มีเขา สิทธิ์ในการเป็นผู้ปกครองของเอลิออนโซ่จึงตกอยู่กับน้องชายของแม่ ผู้เป็นอาที่ไม่ได้ชอบหน้าเขาซักเท่าไรแต่พยายามปิดซ่อนความไม่พอใจนั้นไว้เสมอ จากความริษยาลึก ๆ ที่ลูกสาวของอีกฝ่ายนั้นมีพลังเวทมนตร์ที่ด้อยกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันนั้นเองความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอก็เป็นไปได้ด้วยดีจนน่าแปลกใจ พวกเขาเติบโตมาด้วยกันอย่างพี่น้องที่อายุห่างกันไม่มากนัก ทำให้เอลิออนโซ่มีความสนิทใจกับพี่สาวต่างพ่อแม่มากกว่ากับใคร เธอเป็นมิตรกับเขา และแทบจะเป็นคนเดียวด้วยซ้ำที่ทำแบบนั้น

 

นอกจากความสนิทใจแล้วก็คงเป็นความรักที่มีให้กับพี่สาวต่างพ่อแม่ผู้เป็นเหมือนครอบครัวคนเดียวของเขาที่ยังอยู่ นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่เขาเลือกจะเข้าร่วมการคัดเลือกตัวแทนจากมาจิสเตอร์เพื่อรับตำแหน่งในสภาผู้วิเศษ นอกเหนือไปจากความพยายามดิ้นรนที่จะพัฒนาเวทมนตร์ของตนเอง ความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองกับคนในตระกูล และการใช้เป็นสิ่งยืนยันว่าเขาเองได้โตขึ้นมากพอที่จะทำอะไรเองได้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้เจตนาจะเข้าร่วมเป็นว่าที่ผู้นำเผ่าแต่อย่างใด

 

สำหรับมาจิสเตอร์แล้ว การได้รับจดหมายเชิญตัวแทนจากเผ่าเพื่อเดินทางมารับตำแหน่งในสภาวิเศษนั้นถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และแน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไข สายเลือดมาจิสเตอร์จากตระกูลต่าง ๆ มากมายที่ได้ทราบข่าวต่างก็มีประสงค์จะพิสูจน์ตนเองทั้งในด้านพลังอำนาจเวทมนตร์และความภักดีที่ขึ้นตรงต่อผู้นำเผ่า หน้าที่ที่กำลังได้รับการกล่าวถึงอยู่นี้ยังรวมไปถึงการรับผิดชอบภาพลักษณ์ของเผ่าจากการตอบรับของผู้คนภายนอก รวมทั้งสมาชิกจากเผ่าอื่นที่ส่วนใหญ่ถือสายเลือดบริสุทธิ์ พวกเขาอาจไม่ยอมรับหรือไม่เห็นด้วยกับจดหมายเชิญฉบับนี้ และผู้วิเศษชนซอร์เซอเรียนอีกมากมาย ด้วยเหตุผลนานัปการทำให้ผู้นำเผ่าตัดสินใจให้ใช้วิธีการคัดเลือกตัวแทนโดยผ่านการลงความเห็นของสมาชิกอาวุโสเพื่อหาผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับภารกิจที่ว่า ถึงแม้พวกเขาจะพยายามไม่แสดงออกว่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่อาจปิดมิดได้เมื่อพิธีคัดเลือกดำเนินมาถึง

 

แม้จะใช้เวลาพอสมควร แต่เขาก็สามารถผ่านการคัดเลือกมาได้ด้วยการลงคะแนนสุดท้ายที่เรียกได้ว่าเป็นเอกฉันท์ ท่ามกลางเสียงโต้แย้งที่ถูกหักล้างไปได้ด้วยขั้นตอนการคัดเลือก ก่อนการเดินทาง เขาจำไม่ได้นักว่าผู้คนที่คฤหาสน์ตระกูลเอสเตลานั้นเคยสบตาเขาได้สักกี่ครั้งกันในตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่วันนั้นก็เป็นวันที่ดีทีเดียวสำหรับตำแหน่งใหม่ของเขาที่ได้รับปฏิกิริยาที่แสดงถึงการยอมรับในตัวเขามากขึ้นกว่าครั้งไหน ๆ ล็อกเกตประจำตัวของพี่สาวได้ถูกมอบให้เขาแทนเครื่องรางและคำอวยพร จนกระทั่งถึงวันที่ต้องออกเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ และรับตำแหน่งเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาผู้วิเศษ

 

การพิสูจน์ตัวตนของเอลิออนโซ่ เอสเตลาไม่ใช่เรื่องยากและไม่เคยเป็น แต่การรับมือกับความต้องการอันมากล้นของหมู่ผู้อาวุโสนั้นต่างหากที่มักจะล้ำเส้นเกินรับไหว เอลิออนโซ่ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากสมาชิตระกูลเอสเตลา ทวงถามถึงบุญคุณตลอดหลายปีที่ผ่านมาที่ให้ที่ซุกหัวนอน กับการกลับไปช่วยแก้ปัญหาส่วนตัวภายในครอบครัว ที่ไม่เคยเป็นครอบครัวของเขา

 

เหตุผลเดียวที่เอลิออนโซ่จะต้องหันหลังกลับไปคือพี่สาว ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะยิ่งย่ำแย่ลงเมื่อกลับไปถึง การเปิดผนึกศาสตร์ต้องห้ามโดยไม่มีพลังเวทมากพอก่อให้เกิดความวุ่นวาย ปลดปล่อยสัตว์นรกจากมิติวิญญาณก่อให้เกิดความยุ่งเหยิงนานัปการเสียจนผู้วิเศษผู้ถือศักดิ์สภาซึ่งอาศัยอยู่ที่โคเวนเนียอย่างที่ต้องขึ้นตรงตามตำแหน่งตัวแทนจากเผ่าจำต้องกลับไปแก้ปัญหาโดยด่วนที่สุด คำขอร้องของผู้อาวุโสจะว่าเป็นกับดักก็ไม่เชิงแต่คล้ายกับว่าพวกเขากำลังบีบให้เอลิออนโซ่ไร้ทางเลือกที่จะต้องเปิดผนึกฮายเรมไฮม์

 

ทั้งที่รู้ว่าจะต้องเสียครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณไป แต่หากต้องการฝังตายสัตว์นรกที่ฉกฉวยดวงวิญญาณของพี่สาวไป เอลิออนโซ่ตัดสินใจได้อย่างง่ายดายในฉับพลันและนั่นคงทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลเอสเตลาพอใจไม่น้อย ทั้งกำจัดเขาออกไปให้พ้นทาง และยัดตำแหน่งใหม่ให้กับผู้รักษาการแทนที่จะขึ้นมาแทนเพราะเอลิออนโซ่แหกกฎการเปิดผนึกศาสตร์ฮายเรมไฮม์ ซึ่งเท่ากับเป็นการละเมิดข้อบังคับว่าด้วยการประพฤติอันชอบควรของตัวแทนเผ่า

 

ด้วยเหตุนี้ แม้กายหยาบยังเคลื่อนไหวได้อยู่ แต่การเคลื่อนไหวของเอลิออนโซ่แทบขึ้นตรงกับมิติวิญญาณทั้งหมด ไม่ตายก็เปรียบเสมือนตายเมื่อดวงวิญญาณไม่สามารถพำนักในเบสิโคได้อีกต่อไป นั่นคือต้นตอของเขา... สถานะของเขาในขณะนี้นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับครึ่งหนึ่งของปีศาจที่ถูกลิดรอนอิสระไปตลอดกาล

 

 

คุณเป็นพ่อมดแม่มดสายใด : ไม่เจาะจง

 

 

 

สิ่งที่ชอบ :

- วันที่อากาศอบอุ่นกำลังดี

- หนังสือภาพที่มีเนื้อหาน้อย ๆ

- เสียงดนตรีคลาสสิก เสียงฝน

- ความสงบ การอยู่คนเดียวโดยไร้สิ่งรบกวน

- การตรงต่อเวลา

 

 

 

สิ่งที่ไม่ชอบ :

- วันที่อากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด

- หนังสือเล่มหนามีแต่ตัวหนังสือน่าเบื่อที่เขาต้องอ่านบ่อย ๆ

- เสียงโหวกเหวกประเภทที่เป็นมลพิษทางเสียง

- การรบกวนทุกแบบ รวมถึงการกวนอารมณ์ด้วยคำพูด

- การนัดพบหรือทำงานล่วงเวลา

 

 

 

อื่น ๆ ที่อยากระบุเพิ่มเติม :

- เขาเล่นดนตรีได้หลายอย่าง และค่อนข้างหัวไวกับการศึกษาเครื่องดนตรีแต่ละชนิด

- เอลิออนโซ่มีเหตุผลที่ใส่ต่างหูไว้เพราะเสียงนี้ช่วยเตือนสติเขาและทำให้สมาธินิ่งขึ้นเวลาฝึกซ้อม แต่ถึงแบบนั้น ประสาทสัมผัสที่หูข้างขวาที่ไร้เครื่องประดับก็ค่อนข้างไวต่อเสียงทั้งระยะใกล้และไกล รวมถึงเขาสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวและสมดุลเวทมนตร์ของร่างกายให้นิ่งจนไม่เกิดเสียงได้ในเวลาที่ต้องอาศัยความเงียบในการซุ่มโจมตี

- เขาไม่ชอบเวลาถูกซักถามมาก ๆ ทำให้ไม่ค่อยเข้ากันได้กับเด็กและคนช่างเจรจา

ลิงก์ไปยังความคิดเห็น
ผู้เยี่ยมชม
กระทู้นี้จะปิดเพื่อตอบกลับในอนาคต
×
×
  • สร้างใหม่...