ข้ามไปที่เนื้อหา

กระทู้แนะนำ

  • Root Admin

ชื่อเวทมนตร์ของคุณ : Vince Mason
ออกเสียงว่า : วินซ์ เมสัน

 

วัน/เดือน/ปีเกิด : 15 OCTOBER

อายุ : ไม่ระบุ

เพศสภาพ : ชาย

เพศวิถี : Bisexual

 

รูปพรรณสัณฐาน

     สีผมตามกำเนิด : Raven Black

     สีตาตามกำเนิด : Onyx Black

     ความสูง : ≈ 180 cm.

     น้ำหนัก : ≈ 60 kg.

     สีผิวตามกำเนิด : Fair

     ตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน : รอยสัตว์ข่วนจางๆ บริเวณไหล่ซ้าย

     ลักษณะการแต่งตัว : การแต่งตัวของวินซ์มักจะเป็นไปตามสถานการณ์ แต่โดยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีสถานการณ์พิเศษมักจะสวมเสื้อยืดแขนยาวกับกางเกงขายาวเป็นส่วนใหญ่ โทนสีของชุดมักจะเป็นสีอ่อนๆ หรือขาวดำ

     อื่นๆ ตามที่ต้องการ : ไม่มี

 

อุปนิสัย : วินซ์เป็นคนที่ค่อนข้างใจเย็นและมนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างต่ำเพราะชอบใช้เวลาชีวิตในพื้นที่ของตัวเองเสียมากทำให้ในบางครั้งจึงดูเป็นคนที่ค่อนข้างเย่อหยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมีคนอื่นเข้าหาก็พร้อมที่จะตอบรับ มักให้ความสนใจกับสิ่งที่สนใจ หลายครั้งที่มีการวางแผนกิจกรรมหรือการกระทำต่างๆ เอาไว้ในความคิดก็มักจะยืดหยุ่นให้ไปกับสิ่งที่สนใจมากกว่า 

 

ประวัติ : 

          วินซ์ เมสัน เติบโตมาในตระกูลของพ่อมดแม่มด อาศัยอยู่ในร่มเงาของคฤหาสน์เก่าแก่ซึ่งตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น เขตที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่เป็นชายแดนหมู่บ้านของพวกไร้เวทมนตร์ นั่นจึงทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังเพื่อให้กลมกลืนกับเหล่าแวรี่ แต่ก็เพราะเวทมนตร์ ทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายและสามารถหาเงินได้อย่างง่ายดาย

 

          เด็กหนุ่มจากตระกูลพ่อมดแม่มดมักจะถูกกลั่นแกล้งจากเด็กวัยเดียวกันอยู่เสมอ เพราะในสายตาของเด็กพวกนั้น วินซ์คือสิ่งแปลกประหลาด เป็นผลจากการประคบประหงมจากครอบครัวที่ไม่ยอมให้เขาออกไปพบเจอโลกภายนอกมากนักเนื่องจากเกรงว่าจะเผลอใช้มนตร์คาถากับเหล่าแวรี่ซึ่งจะเป็นการเปิดเผยตัวตนกับคนในหมู่บ้าน วินซ์จึงเป็นเด็กเก็บตัวและเข้าสังคมไม่เก่งนัก เมื่อถึงเวลาที่เขาสามารถพบปะผู้คนได้เขากลับไม่ได้รับการยอมรับจากเด็กวัยเดียวกัน การเข้าหาเพื่อนวัยเดียวกันในแต่ละครั้งมักจะได้รับการตอบกลับโดยการกลั่นแกล้งเสมอ

และมันเป็นจุดเริ่มต้นของคำสาป…

“ไปในป่านั่นสิ
แล้วนายจะได้มาเล่นกับพวกเรา”

             ข้อเสนอแสนท้าทายของเด็กชายกลุ่มหนึ่งถูกหยิบยื่นให้กับวินซ์ สายตาเด็กน้อยวูบไหวยามมองไปตามทิศทางของเรียวนิ้วของเด็กชายวัยเดียวกัน 

“อย่าย่างกรายเข้าป่านั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ห้าม เด็ดขาด…!!”

          คำเตือนของผู้ปกครองยังคงดังก้องอยู่ในห้วงความคิด การตัดสินใจครั้งสำคัญของเด็กหนุ่มที่จะได้รับการยอมรับจากสังคมของเพื่อน ๆ 

โดยทางเลือกมีแค่สองทาง… ไป หรือ ไม่ไป

-

          แสงคืนจันทร์เพ็ญปรากฏขึ้นแทนที่แสงแห่งตะวัน ยามความมืดครอบคลุมสมบูรณ์ ช่วงเวลาหลังห้าทุ่มคือเวลาเหมาะสมสำหรับจะลักลอบออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ มือเล็กเปิดประตูห้องนอนสอดส่องอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจว่าไร้ผู้คนก่อนร่างของเด็กน้อยสายเลือดพ่อมดในชุดนอนจะออกมาและก้าวเดินเร็วๆ เพื่อออกจากคฤหาสน์ไปยังป่าทึบซึ่งไม่ไกลนักแสงสว่างจากเปลวเทียนคอยนำทางวินซ์ในป่าใหญ่ ต้นไม้ในเขตพงไพรสูงเกินกว่าที่แสงจันทร์จะสามารถส่องถึง แววตาของเด็กน้อยมองตรงไปยังด้านหน้าและพยายามตั้งสติอยู่ตลอดเวลาแม้จะได้ยินเสียงแปลก ๆ ตามพุ่มไม้เป็นบางเวลาก็ตามที

“เก็บหินนำโชคมาด้วยล่ะ!”

          เสียงของเด็กหัวโจกดังก้องในหัวคอยเตือนสติถึงสิ่งที่ต้องทำเสมอ ว่ากันว่าป่าลึกลับท้ายหมู่บ้านมีหินนำโชคสวยงามซึ่งมักจะอยู่ริมแหล่งน้ำ สิ่งที่วินซ์ต้องทำคือไปเอาหินพวกนั้นเพื่อยืนยันว่าได้เข้ามาในป่านี้แล้วจริง ๆ

แต่ปัญหาก็คือ… แหล่งน้ำของป่านี้อยู่ตรงไหนกัน…

          เท้าเล็กก้าวเดินไปตามเส้นทางที่ทึบขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีเพียงแสงจากตะเกียงเท่านั้นที่คอยนำทาง เสียงแหล่งน้ำอยู่ไม่ไกลนักจากเท่าที่เขาได้ยิน วินซ์เดินเท้าไปตามต้นเสียงฝ่ากิ่งไม้ใบหญ้าก่อนแววตาจะทอประกายขึ้นเมื่อเจอสิ่งที่เขาหวังจะหา แหล่งน้ำอยู่ตรงหน้าของเขา มือขาวกอบโกยเอาน้ำขึ้นมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติก่อนจะดื่มมัน ความอ่อนแรงจากการเดินป่าค่อย ๆ ทุเลาลงก่อนจะเริ่มค้นหาหินนำโชค สายตากวาดมองสอดส่องพลางมือปัดเศษหิน เขาต้องใช้เวลาให้น้อยที่สุดและรีบออกจากป่าแห่งนี้

แต่เหมือนโชคไม่เข้าข้าง…

          เสียงเห่าหอนคละเคล้ากับเสียงคำรามดังกึกก้องทั่วทั้งผืนป่า ใบหน้าเด็กน้อยเริ่มซีดเผือดทันทีที่ได้ยินเสียง มือเล็กเริ่มลนลานกวาดหาสิ่งที่เขาต้องการ

เสียงมันอยู่ใกล้มาก… ใกล้เกินไป…

          “อยู่ตรงไหน..” เสียงสั่นเอ่ยขึ้นกับตัวเองในขณะที่มือยังกวาดหาหินนำโชค ก่อนในที่สุดจะพบสิ่งที่ต้องการเขารีบยัดมันลงกระเป๋าแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นจากริมลำธาร

เงาสูงใหญ่ทาบทับตัวเขา…

มันใหญ่… เกินกว่าจะเป็นมนุษย์ 

ทำไม… ถึงมี

          ลำคอฝืนกลืนน้ำลายเหนียวหนืดก่อนจะพยายามหันกายแข็งทื่อไปมองสิ่งที่อยู่ด้านหลัง สัตว์ป่าตัวยักษ์กำลังจ้องมองเขาราวกับเหยื่อ ขาข้างหนึ่งเริ่มก้าวถอยหลังทันทีที่สบแววตาดุร้ายของสิ่งมีชีวิตตรงหน้า 

แต่ด้านหลังเขาคือแหล่งน้ำซึ่งมันลึกเกินกว่าที่เขาจะข้าม

          น้ำตาเริ่มคลอหน่วยตาก่อนจะไหลรินอาบแก้ม อ้อนวอนในใจหวังว่าพระเจ้าจะช่วยเขาออกไปจากตรงนี้ 

ช่วยด้วย…

          คำวิงวอนครั้งสุดท้ายดังขึ้นภายในใจ แต่มันยังคงไม่เพียงพอที่เด็กหนุ่มจะได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที กว่าจะมีใครสักคนมาเจอก็เมื่อมนุษย์หมาป่านั้นได้ลิ้มรสเลือดอย่างพอใจ

 

          ในช่วงใกล้รุ่งสาง ร่างเล็กถูกพาตัวกลับทันทีที่คนจากคฤหาสน์พบเจอวินซ์นอนจมกองเลือดไม่ได้สติอยู่ริมแหล่งน้ำ ตามกายเล็กของเด็กชายเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยข่วน ทุกคนรู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เป็นต้นเหตุของบาดแผลและเลือดพวกนี้มาจากอะไร 

 

          ผ่านไปนับสัปดาห์บาดแผลเริ่มสมานและฟื้นฟูไปตามลำดับ แต่ทว่า คำสาปที่ได้รับจากสัตว์ร้าย ต้องติดตัวเขาไปชั่วชีวิต คำสาปไหลเวียนปะปนไปกับตัวตนของเขา นับตั้งแต่ครั้งนั้น วินซ์ถูกกักขังให้อยู่แค่ภายในคฤหาสน์และสั่งห้ามไม่ให้ออกด้านนอกอีก และยังถูกกักขังไว้ในห้องเพื่อป้องกันปีศาจออกอาละวาดภายในบ้าน 

เวลาผ่านล่วงเลยไปจนกระทั่งวินซ์เข้าสู่ช่วงอายุสิบสองปี ประตูซึ่งเคยถูกผนึกอย่างแน่นหนาเมื่อเวลาล่วงเลยย่อมผุพังไปตามเวลา ยามคืนจันทร์เต็มดวง ร่างของเด็กหนุ่มแปรเปลี่ยนสู่ปีศาจ ร่างมนุษย์หมาป่าของวินซ์พยายามทลายห้องขังจนกระทั่งสำเร็จในที่สุด เสียงจากการพังทลายดังลั่นทั่วบริเวณ พาให้คนในบ้านลงมาดูต้นเสียง แต่ทว่ากว่าจะพบต้นตอของเสียงครึกโครม ร่างมนุษย์หมาป่าของเด็กหนุ่มนั้นก็หายไปจากคฤหาสน์เรียบร้อยแล้ว ทิ้งไว้เพียงร่องรอยเท่านั้น

 

           ช่วงสายของวันถัดมา วินซ์ฟื้นขึ้นหลังกลายร่างก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นไม่ได้อยู่ในห้องขังอย่างที่ควรเป็น กลับอยู่ภายในกระท่อมไม้กลางป่าของใครสักคน ขวดแก้วซึ่งบรรจุด้วยยาบางอย่างถูกยื่นให้กับเขา พบเข้ากับผู้ชายสูงโปร่งอายุไม่ได้เยอะมาก วินซ์มองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

          “นายสลบอยู่อยู่กลางป่า พวกเราเลยพานายมา” วินซ์ไม่ตอบอะไรกลับไปก่อนเบนสายตามองของเหลวในขวดแก้ว “นี่ยาบำรุง นายคงเหนื่อยหลังการกลายร่าง” 

หลังการกลายร่าง…

          วินซ์ใจกระตุกวูบหลังได้ยินดังนั้น เรื่องที่เขาต้องคำสาปกลายร่างทุกคืนจันทร์เพ็ญเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้นอกจากภายในบ้านและไม่ควรจะมีใครที่ล่วงรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้

ไม่อย่างนั้น.. พวกเขาต้องโดนขับไล่แน่ๆ

          “ทำไมคุณถึงรู้” วินซ์ถาม

          “เพราะหนึ่งในพวกเราเหมือนกับนาย” เหมือนกับเขา..? “พวกเราอยู่กันสามพี่น้อง ฉันเป็นคนโต น้องสาวคนรองกำลังออกไปเก็บสมุนไพรในป่า และน้องชายคนสุดท้องเขาเป็นเหมือนกับนาย”

          วินซ์ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนที่เป็นเหมือนกันกับเขา ถ้าอย่างนั้นแสดงว่าผู้ชายคนนั้นก็คงโดนมนุษย์หมาป่ากัดเหมือนกันกับเขาสินะ… แต่ถ้าแบบนั้นพวกเขาควบคุมน้องชายในร่างมนุษย์หมาป่าได้อย่างไรในเมื่อพลกำลังของมนุษย์หมาป่านั้นมากกว่าคนปกติ

          “คุณดูแลน้องชายของคุณตอนกลายร่างยังไงกัน” เขาถามถึงสิ่งที่สงสัย 

          “น้ำยา” ชายหนุ่มบอก “พวกเราพอจะมีความรู้เกี่ยวกับการปรุงยาวิเศษอยู่บ้าง น้ำยาชนิดหนึ่งสามารถทำให้มนุษย์หมาป่าสงบได้ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ฉันให้เขากินก่อนฟ้ามืดจึงควบคุมอยู่ได้” 

          วินซ์นิ่งเงียบตั้งใจฟังในสิ่งที่เจ้าบ้านได้ตอบเขาออกมา เขาไม่เคยเห็นครอบครัวของเขาปรุงยามาก่อน อาจจะเป็นเพราะว่าครอบครัวของเขาไม่ได้มีความชำนาญด้านนี้เสียเท่าไรนัก แตกต่างจากครอบครัวนี้ที่สามารถปรุงน้ำยาเพื่อให้มนุษย์หมาป่าสงบลงได้

          “ฉันต้องขอโทษนายด้วยจริง ๆ” เรียวคิ้วเริ่มขมวดมุ่นหลังคำขอโทษถูกเอ่ยขึ้น เขาเองต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษและขอบคุณที่คนตรงหน้าช่วยเหลือเขาเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเขาคงได้นอนกลางป่าที่ไหนสักที่

          “เรื่องอะไรกันครับ” วินซ์เอ่ยถาม 

          “ที่นายต้องเป็นแบบนี้เพราะน้องชายฉันเอง” คำตอบของอีกคนยิ่งทำให้วินซ์ไม่เข้าใจ คำถามมากมายเริ่มเกิดขึ้นแม้จะเริ่มปะติดปะต่อบางอย่างได้ในความคิด

          “แปลว่าอะไรครับ…”

          “การที่นายต้องกลายร่างทุกคืนจันทร์เต็มดวง เพราะน้องชายฉันเอง… คนที่กัดนายคือน้องชายฉัน” ความรู้สึกของวินซ์เหมือนทั้งตัวชาวาบไปหมดในเสี้ยววินาทีหลังรับฟังความนั้น แววตาสั่นไหวจ้องมองนัยน์ตาของอีกคน

ความรู้สึกผิด… นั่นคิดสิ่งที่เขารู้สึกได้

          “ทำไม..” เสียงแผ่วเบาของเด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นกับตัวเอง 

          “น้ำยาที่พวกเราเตรียมเอาไว้หมดเพราะเตรียมวัตถุดิบสำหรับปรุงยาไม่ทัน กว่าจะหาจนครบก็สายไปแล้ว แต่ถึงแม้จะหาวัตถุดิบมาได้ทันแต่การปรุงขึ้นมาก็ยากเหลือเกิน พวกเราปรุงน้ำยาไม่ทันก่อนอาทิตย์จะตกดิน หลังปรุงน้ำยาเสร็จ น้องชายฉันหายไปจากบ้าน ฉันกับคนรองวิ่งวุ่นหากันทั่วป่าจนเจอเขาที่ริมลำธาร กับนาย… ขอโทษจริง ๆ”

 

          บทสนทนาครั้งนั้นจบลงที่การแลกเปลี่ยน วินซ์ตัดสินใจที่จะไม่กลับไปที่บ้านของตัวเองเพราะไม่อย่างนั้นเขาคงจะต้องถูกขังเหมือนเดิมและอาจจะหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วย แต่หากจะให้เขาอยู่ที่กระท่อมนี้ต่อก็คงไม่ใช่สิ่ที่ดีนัก จบสุดท้ายคือข้อแลกเปลี่ยนคือเจ้าของกระท่อมจะต้องหาที่อยู่ให้กับเขา เป็นการชดใช้ความผิดในสิ่งที่น้องชายได้กระทำเอาไว้

          “ที่ที่พวกเราสามพี่น้องจากมาคือชุมชนของผู้ใช้เวทมนตร์ ใช้เวลาเดินทางอยู่พอสมควรแต่คงไม่ลำบากมากนัก ฉันจะส่งนายไปยังเส้นทางสู่ที่นั่น” ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อมดเจ้าของกระท่อมกลางป่า ทำให้เขามาถึงเส้นทางสู่โลกเวทมนตร์ จุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ของเด็กหนุ่มสายเลือดครึ่งมนุษย์หมาป่า โดยในภายหลังเขาได้รับการอุปการะเลี้ยงดูจากตระกูลเมสัน 
 

คุณเป็นพ่อมดแม่มดสายใด : ไม่เจาะจง

 

สิ่งที่ชอบและไม่ชอบ : 

     สิ่งที่ชอบ
            การใช้ช่วงเวลาอยู่ในสถานที่สงบๆ 

     สิ่งที่ไม่ชอบ

            ฤดูร้อน/ความร้อน

            สัตว์เลื้อยคลานโดยเฉพาะ "งู"
 

อื่นๆ ที่อยากระบุเพิ่มเติม :

  • ร่างมนุษย์หมาของวินซ์จะมีสีขนตามสีผมโดยกำเนิด คือ Raven Black
ลิงก์ไปยังความคิดเห็น
ผู้เยี่ยมชม
กระทู้นี้จะปิดเพื่อตอบกลับในอนาคต
×
×
  • สร้างใหม่...