Root Admin Sorcery World โพสต์ 3 เมษายน Root Admin แชร์ โพสต์ 3 เมษายน ชื่อเวทมนตร์ของคุณ : Eastin Blossom ออกเสียงว่า : เอส-ติน บลอส-ซัม วัน/เดือน/ปีเกิด : ศุกร์ที่ 13 ไม่ทราบเดือน และปี อายุ : ไม่ระบุ เพศสภาพ : ชาย เพศวิถี: ไม่ระบุ รูปพรรณสัณฐาน สีผมตามกำเนิด : ดำ สีตาตามกำเนิด : น้ำตาลอมแดง ความสูง : 183 ปัจจุบัน น้ำหนัก : 65 ปัจจุบัน สีผิวตามกำเนิด : ขาว ตำหนิที่เห็นได้ชัดเจน : ด้านหลังมือขวามีรอยแผลเป็นรูปหัวกะโหลก สีน้ำตาลเข้มและมีรอยย่นราวกับว่ามันละลายและบิดเป็นเกลียวด้วยความร้อนจัด เบ้าตาลึกสองเบ้าที่จมลึกเข้าไปในผิวหนัง ราวกับว่าสิ่งชั่วร้ายกำลังจ้องมองออกมา แต่ความน่ากลัวถูกลดทอนด้วยวงกลมรอบนอกเป็นรูปดอกไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนคอยสกัดกั้นลางร้ายเอาไว้ รอยแผลเป็นนี้เกิดจากคำสาปและเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสตร์ส่วนตัวที่ถูกสลักไว้ในจิตวิญญาณ เป็นตำหนิที่ช่วยยืนยันตัวตน แม้จะอยู่ในร่างใหม่ ลักษณะการแต่งตัว : ตู้เสื้อผ้าของชายหนุ่มถูกครอบงำด้วยเสื้อผ้าโทนสีดำ มีเสื้อสีอื่นแซมอยู่เพียงเล็กน้อยเพื่อเอาไว้สวมใส่ไปงานรื่นเริง อื่น ๆ ตามที่ต้องการ : รูปร่าง : สูงเพรียวสมส่วน รูปทรงใบหน้า : ใบหน้าคมสันเคร่งขรึมปลายคางมน ดวงตาแหลมคม คิ้วหนาและโค้งมน เสริมให้ใบหน้าดูดุดัน จมูกโด่งเป็นสันตรง ปลายจมูกเชิดนิดอย่างคนหัวรั้น โดยรวมแล้ว ใบหน้าของเขาให้ความรู้สึกถึงอันตรายและคาดเดาไม่ได้ มีเสน่ห์ดึงดูดใจและน่าเกรงขาม อุปนิสัย : ในอดีตนิสัยของเขานับว่าเลวร้าย เพราะศึกษาเวทมนตร์ดำเป็นหลัก เขาทำสิ่งไม่ดีมามากมาย แต่เมื่อได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้งในร่างที่เขาสิงสู่ และกลับคืนสู่ครอบครัว นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดี แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังชอบเรื่องเสี่ยงอันตราย เสี่ยงโชคเหมือนนักพนัน ══════ ◐ ══════ ประวัติ : หากย้อนกลับไปยังจุดกำเนิดของเอสติน มันเป็นบทนำที่เศร้าโศก เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นโดย วินเซนโซ่ บุตรชายคนที่ 4 ของไลเซนธัสแห่งตระกูลบลอสซัม วินเซนโซ่ มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะไขความลับของศาสตร์แห่งวิญญาณและดวงจิต แต่ความกระหายใคร่รู้นำทางเขาสู่เส้นทางแห่งความมืด ภรรยาและลูกที่เขารักตกเป็นเหยื่อจากคาถาถอดวิญญาณ ซึ่งเขาคิดว่ามันจะช่วยรักษาอาการป่วยของทั้งสามคนได้ด้วยการย้ายวิญญาณของพวกเขาไปสถิตในร่างกายใหม่ที่แข็งแรงกว่า แต่มันกลับพรากชีวิตทั้งสามคนไป วินเซนโซ่ถูกสาปส่งเมื่อเขาพยายามใช้ศาสตร์ต้องห้ามฟื้นคืนชีพคนที่เขารักทั้งสามคนกลับคืนมา 'เสียชีวิตก่อนวัยอันควร’ นั่นคือการสาปส่งของ ‘เทพีนันโทซูเอลลา’ เทพีผู้ดำรงซึ่งวัฏจักรของธารวารีแลชีวาของสรรพสิ่ง มอบมันให้แก่วินเซนโซ่ชายผู้ฝืนธรรมชาติและไม่สำนึกต่อความผิด เขาจักต้องทนรับความเจ็บปวดด้วยการใช้ชีวิตที่ยืนยาวของเขาคิดถึงคนที่จากไป จิตวิญญาณที่เคยสดใสของเขาถูกแทนที่ด้วยความทุกข์ระทมและความหนาวเหน็บ เป็นเวลาหลายปีที่เขาอาศัยอยู่ในเงาของอดีตที่ตามหลอกหลอน ทุกลมหายใจของเขาเต็มไปด้วยความทรมาน และความรู้สึกผิดที่กัดกิน แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้พบกับเอลิเซีย แม่มดสาวนัยน์ตาเศร้าที่พบเจอในงานเทศกาลที่เขามาเพื่อระลึกถึงความหลัง ท่วงท่าร่ายรำที่แสนเจ็บปวด หยาดน้ำตาที่รินไหลขณะร่างกายของเธอเคลื่อนไหว ดึงดูดให้เขาเฝ้ามองเธออยู่เนิ่นนาน จนทำให้เธอสังเกตเห็นเขา การสนทนาเกิดขึ้นในเวลาต่อมา และมันยังคงดำเนินต่อไปอีกหลายครั้ง เมื่อพบว่าพวกเขามีบางอย่างในชีวิตที่ขาดหายไปเหมือนกัน วินเซนโซ่และเอลิเซียร่วมกันทดลองและค้นคว้าเพื่อนำพาสิ่งสำคัญของพวกเขากลับมา การศึกษาร่วมกันทำให้ทุกอย่างก้าวหน้ามาก เพราะเอลิเซียเป็นแม่มดที่เชี่ยวชาญด้านวิญญาณ ดังนั้นเธอจึงเก่งกว่าวินเซนโซ่ที่เกิดในตระกูลบลอสซัมที่ถนัดเวทมนตร์สายพฤกษา พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันหลายปีจากเพื่อนร่วมงานกลายเป็นเพื่อนสนิท และจากเพื่อนสนิท กลายเป็นคนที่คอยเติมเต็มค่ำคืนแห่งความเหงาให้แก่กัน พวกเขามีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน วินเซนโซ่คงหลงลืมไปว่าเขาถูกสาปให้ไม่อาจมีความสุขได้ ร่างของเอลิเซียทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว หลังจากพบว่าเธอตั้งครรภ์ลูกของเขา วินเซนโซ่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตทั้งสองคนเอาไว้ แต่คำสาปที่แรงกล้าทำให้เขาเลือกได้เพียงหนึ่ง เอลิเซียตัดสินใจสละชีวิตของตัวเองเพื่อสกัดกั้นคำสาปร้าย เธอใช้ช่วงเวลาสุดท้ายในการสร้างศาสตร์ร่วมกับวินเซนโซ่ เพื่อรักษาชีวิตน้อย ๆ เอาไว้ ดอกไม้ที่ล้อมรอบหัวกะโหลกคือความรักของแม่ที่ต้องการปกป้องลูกน้อยจากคำสาป วินเซนโซ่เดินทางออกจากโลกเวทมนตร์ และใช้ชีวิตแบบพวกแวรี่ เพราะเขาคิดว่ามันอาจทำให้เอมิเลียลูกสาวของเขารอดพ้นจากคำสาป แต่เมื่อเอมิเลียอายุ 30 ปีในช่วงที่เธอกำลังเบ่งบานและงดงามที่สุด เธอสมบูรณ์พร้อมด้วยครอบครัว มีสามีชาวแวรี่ผู้รักมั่น และลูกสาวอายุ 5 ขวบวัยกำลังน่ารัก แต่เธอกลับต้องเสียชีวิตก่อนวัยอันควรเมื่อรอยประทับตราต้องสาปปรากฏขึ้น แม้จะมีศาสตร์ของมารดาคอยช่วยเหลือ แต่เธอที่ไม่ได้เรียนรู้เวทมนตร์ จึงไม่สามารถควบคุมมันได้ ทำให้เอมิเลียล้มป่วย และจากไปในที่สุด วินเซนโซ่ได้แต่ก่นด่าในความโง่เขลาของตัวเอง เขาควรสอนเวทมนตร์ให้เอมิเลีย ไม่ใช่พาเธอหลีกหนีจากมัน วินเซนโซ่จึงพาเอสเม่ บุตรสาวของเอมิเลียเข้าสู่โลกเวทมนตร์อีกครั้ง เพื่อสอนเวทมนตร์ให้กับเธอ วินเซนโซ่เข้มงวดกับเอสเม่มาก เพื่อหวังว่าเธอจะใช้ศาสตร์ของผู้เป็นยายส่งผ่านมาให้ได้ชำนาญและรอดพ้นจากคำสาปร้ายได้ ครั้งนี้วินเซนโซ่เลือกได้ถูกต้อง เมื่อตราประทับของเอสเม่ปรากฏขึ้นมาในวัย 24 ปี เธอไม่ได้ล้มป่วย และยังคงเบ่งบานได้ต่อไป ไม่ได้เหี่ยวเฉาลงเฉกเช่นแม่ของเธอ แต่เพราะการเลี้ยงดูที่เข้มงวดมากเกินไปของวินเซนโซ่ ทำให้เอสเม่กลายเป็นเด็กมีปัญหา เธอต้องการความรักและอิสระ เธอมีความสัมพันธ์กับพ่อมดหนุ่มหลายคน โดยไม่สนว่าเขาจะโสดหรือแต่งงานแล้ว เธอบกพร่องเรื่องศีลธรรม วินเซนโซ่พยายามอบรมหลานสาว แต่มันยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาแย่ลง จนในที่สุดเอสเม่ก็หนีไป และซ่อนตัวตนของเธอจากเขา เอสเม่ทำมันได้ดี วินเซนโซ่ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจที่เอสเม่กลายเป็นแม่มดที่เก่งกาจจนเขาไม่สามารถติดตามหาตัวเธอได้ หลายร้อยปีต่อมา วินเซนโซ่ที่ยังคงออกตามหาเอสเม่หลานสาวของเขา วินเซนโซ่ก็ได้พบร่องรอยของเธอที่บ่อนพนันแห่งหนึ่งในเดนมาร์ก แต่เมื่อพบเจอเจ้าของร่องรอยกลับเป็นชายหนุ่มวัย 27 ปีที่มีผมเผ้ายุ่งเหยิงเนื้อตัวมีกลิ่นสาบเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน เขาดูเหมือนผีพนันที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่หากสังเกตดี ๆ ชายหนุ่มผู้นี้สามารถใช้เวทมนตร์ได้ เขาเปลี่ยนตัวเลขบนไพ่ที่เขาถืออยู่ในมือ วินเซนโซ่ติดตามชายผู้นี้ต่อไป เขาต้องการทราบว่าชายผู้เป็นเชื้อสายของเขาไหม แต่ก็พบเพียงชีวิตอันไร้แก่นสารของชายหนุ่มที่วัน ๆ เอาแต่กินดื่ม นอน เล่นพนัน และใช้เงินที่ได้เสพสุขกับสตรี สิ่งที่พอจะมีประโยชน์จากการสังเกต วินเซนโซ่พบว่า ชายหนุ่มไม่สามารถเปลี่ยนไพ่ได้ทุกครั้ง ดูเหมือนว่าเวทมนตร์ของเขาจะยังไม่เสถียร หรือใช้มันได้ไม่คล่องเท่าไหร่เหมือนไม่มีคนสอนใช้ หลังจากติดตามอยู่หลายวันในที่สุดวินเซนโซ่ก็พบเครื่องหมายยืนยันว่าชายผู้นี้คือสายเลือดต้องสาปของเขาเมื่อได้เห็นสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าพันแผล มันคือแผลเป็นรูปหัวกะโหลกและดอกไม้ที่รอบล้อมพร้อมด้วยวงแหวนเวท เป็นสัญลักษณ์ของศาสตร์และคำสาปที่ส่งต่อมา วินเซนโซ่จึงใช้เวทมนตร์เพื่อสอบสวนเขา ซึ่งก็พบว่าตราประทับนี้ปรากฏขึ้นไม่กี่อาทิตย์ก่อน และมันทำให้เขาเริ่มใช้เวทมนตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ เมื่อถามเกี่ยวกับเอสเม่ น้ำเสียงของชายหนุ่มก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เพราะเธอคือแม่นิสัยแย่ที่ทิ้งเขาไปตอนอายุได้ 5 ขวบ ไว้กับพ่อ แต่ไม่นานชายคนนั้นก็ทิ้งเขาไปอีกคน เพราะเขาเป็นเพียงพ่อเลี้ยงไม่ใช่พ่อแท้ ๆ เมื่อหญิงงามที่เขารักจากไปเหตุใดเขาจำเป็นต้องเลี้ยงลูกของเธอกับใครไม่รู้ สิ่งที่เอสเม่ทิ้งไว้ให้กับเขา มีเพียงแค่ชื่อนามว่า "เอสติน" และความเกลียดชังเพียงเท่านั้น วินเซนโซ่ที่ได้ฟัง เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด มันเสียดแทงหัวใจของเขามาก นี่คงเป็นอีกคำสาปหนึ่งของเขา เป็นคำสาปจากการเลี้ยงดูที่เขาสร้างขึ้นมาเอง วินเซนโซ่จึงตั้งใจจะสอนเหลนชายที่ชื่อเอสตินคนนี้ให้ดี แต่ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก เอสตินในวัย 27 ปี ไม่สนใจร่ำเรียน เขาเป็นคนไม่เอาไหน ไม่สนใจสิ่งใด สิ่งที่เรียนไปก็เอาไปใช้ในทางที่ผิด แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องตั้งใจเรียนอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะคำสาปได้กัดกินร่างกายของเขา หากเขาไม่สำเร็จวิชาและใช้ศาสตร์ส่วนตัวที่ส่งต่อมาได้ เขาก็ต้องตาย เอสตินรอดชีวิต เขาสำเร็จวิชาและได้ครอบครองศาสตร์บุปผามรณะซึ่งคุณยายทวดของเขา เอลิเซียยอมแลกชีวิตเพื่อสร้างมันร่วมกับตาทวดผู้สอนวิชาให้กับเขาในตอนนี้ เพื่อปกป้องสายเลือดนี้จากคำสาป เอสตินสามารถเบ่งบานต่อไปได้ แม้จะเป็นดอกไม้ที่ไม่ได้งดงามเท่าไหร่ แต่วินเซนโซ่ก็ยินดีที่ได้เห็นการเติบโตของเหลนชาย วินเซนโซ่สอนทุกอย่างที่เขารู้ให้เอสตินจนหมด และเตือนเอสตินว่าถ้าไม่อยากต้องทุกข์ทนแบบเขาควรเลือกเดินในเส้นทางที่ถูกต้อง ศาสตร์มืดคือสิ่งอันตราย วินเซนโซ่กอดเหลนชาย ก่อนจะละสังขาร แม้จะสามารถมีชีวิตได้ยาวนานกว่านี้ แต่เขาตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเซ่นสังเวยเพื่อบรรเทาความโกรธจากผู้ที่สาปส่งเขา แต่เอสตินในวัย 60 ปีไม่ได้เชื่อฟังคำสอน เมื่อความแก่ชราและความตาย ใกล้มาเยือนเขา เอสตินจึงเริ่มศึกษาศาสตร์มืด และศาสตร์ต้องห้ามของคุณปู่ทวด จนเขาสามารถใช้มันได้ตอนอายุ 89 ปี เขาสามารถถอดวิญญาณและย้ายไปร่างใหม่ของผู้ป่วยที่นอนหลับใหลไร้วิญญาณได้สำเร็จ แต่ความโลภของเอสตินไม่มีที่สุด จากย้ายร่างเพื่ออยู่ต่อ กลับกลายเป็นสิงสู่ร่างของผู้มีชีวิตเพื่อช่วงชิงตัวตน พอเบื่อก็เปลี่ยนเป็นอีกคน ในที่สุดเขาก็ได้รับผลกรรม เมื่อเขาพบหญิงสาวที่เป็นรักแท้ที่เขาอยากมอบหัวใจให้ แต่เธอกลับมีชีวิตแสนสั้น เพื่อให้เธอได้คงอยู่เป็นนิรันดร์เช่นเขา เอสตินจังได้ถอดวิญญาณอีกครั้งเพื่อนำพาเธอกลับมาจากภพภูมิของวิญญาณ แต่เขาก็ทำมันไม่สำเร็จ เพราะทุกการเปลี่ยนตัวตน มักทำให้เขาลืมบางสิ่งไป มันเป็นคำสาปที่เขาได้รับจากการทำสิ่งต้องห้าม มันคือสิ่งแลกเปลี่ยนกับพลัง สิ่งที่หลงเหลืออยู่คือความรู้สึกว่าต้องรีบค้นหาบางสิ่ง เขาเปลี่ยนตัวตนถี่มากขึ้น เรื่อย ๆ เพราะความรู้สึกที่ต้องการค้นหาบางสิ่งที่ยังคงติดค้างและขาดหาย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถค้นหามันได้อีกต่อไป เนื่องจากเขาได้ลืมคาถาถอดวิญญาณไปในที่สุด เขาติดอยู่ในร่างของชายหนุ่มวัย 19 ปี เขารู้แค่ว่าเขาชื่อเอสติน และเขาต้องเดินทางมายังโลกเวทมนตร์เพื่อฟื้นคืนบางสิ่ง และค้นหาบางสิ่งที่หายไปของเขา เอสตินมายังสถานที่ซึ่งเรียกบ้านรีเวร่า เขาเริ่มเรียนรู้การเป็นพ่อมดฝึกหัดที่นั่น ในค่ำคืนหนึ่ง ขณะเตร็ดเตร่อยู่ที่สุสาน สถานที่ซึ่งเขารู้สึกสงบใจที่สุด เขาก็เรียกหาชื่อของใครบางคน มันเป็นชื่อที่สำคัญมาก แต่ครู่เดียวเขาก็หลงลืมมันไป ราวกับชื่อนั้นเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่าน เสียงหญิงสาวคนหนึ่งตอบกลับมาพร้อมการปรากฏตัว เธอแนะนำตัวว่า ‘โมนีก้า’ เขาคิดว่าเธอไม่น่าจะใช่เจ้าของชื่อที่เขาต้องการพบ เพราะแม้จะหลงลืมไปแล้ว แต่เขารู้สึกได้ว่าไม่ใช่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกเชื่อมโยงกับเธออย่างน่าประหลาด เมื่อเธอเชิญเขามายังดินแดนของเธอ เขาก็ได้รับรู้ตัวตนที่แท้จริง ว่าตัวเขาเชื่อมโยงกับสถานที่แห่งนี้ ดอกไฮเดรนเยียที่เหมือนกับดอกไม้ที่เป็นส่วนหนึ่งของแผลเป็นบริเวณมือของขวา มันเบ่งบานผลิใบรอบสวน ดูเหมือนเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ โมนีก้าได้พาเขาไปพบกับวีล่าสาวที่ชื่อ โดโรธี และแวมไพร์หนุ่มที่ชื่อว่า คุรุรุกิ และนามของตระกูลของพวกเขาคือ บลอสซัม เอสตินรู้สึกคุ้นเคยนามของตระกูลนี้อย่างน่าประหลาดใจ หลังจากนั้นพวกเขาก็พบปะกันหลายครั้ง และในที่สุดหญิงสาวที่ชื่อโมนีก้าก็ได้รับเขาเป็นบุตรบุญธรรม พอได้เข้าร่วมตระกูลทำพิธีสาบานเรียบร้อยแล้ว เอสตินก็ได้เข้าถึงเอกสารชิ้นสำคัญของตระกูลมันคือบันทึกภาษาซอร์เซอเรียนเก่าแก่ที่ถูกลงมนตราไว้ ซึ่งมีเพียงลูกหลานสกุลบลอสซัมที่จะอ่านได้ เอสตินเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่จริง ๆ เขาสามารถเปิดอ่านมันได้ และนั่นทำให้เขาพบความทรงจำส่วนหนึ่งที่เขาตามหา วินเซนโซ่ บุตรชายคนที่ 4 ของไลเซนธัสแห่งตระกูลบลอสซัม นั่นคือชื่อที่ทำให้ความทรงจำบางส่วนของเขากลับมา เขาจำภาพของชายชราที่สอนเวทมนตร์ให้กับเขาได้ ชายผู้มีเรื่องราวอันน่าเศร้า และดูเหมือนว่าเขาจะเลือกเดินเส้นทางเดียวกับชายผู้นี้ เพราะเมื่อดูจากความห่างของผังในตระกูลในบันทึกแล้วช่วงชีวิตของพ่อมดปกติเฉกเช่นเขาไม่ยืนยาวขนาดนั้น เขาคงจะเกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งวิญญาณของวินเซนโซ่ด้วย ศาสตร์บุปผามรณะนั่นคือชื่อที่ผุดขึ้นในเวลาต่อมา มันคือศาสตร์ส่วนตัวที่ยายทวดเอลิเซียร่วมกับตาทวดวินเซนโซร่วมสร้างกันมาเพื่อปกป้องสายตระกูลของเขาที่ต้องสาป ความทรงจำต่าง ๆ ของเอสตินเริ่มหวนคืนเมื่อได้อ่านบันทึก รวมถึงเรื่องแย่ ๆ อย่างความรู้สึกอยากเล่นพนันที่หวนกลับมาด้วย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องห้ามใจตัวเองไว้ เพราะเขาจำเป็นต้องใช้เพิร์ธเพื่อฟื้นคืนศาสตร์ส่วนตัวของเขาที่นอกจากจะมีลำดับขั้นถึงแล้วต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนหนึ่งในการดำเนินการด้วย ในที่สุดเขาก็ได้เป็นผู้วิเศษและฟื้นคืนศาสตร์ส่วนตัวได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นคาถาภายในยังไม่สมบูรณ์ มันยังขาดคาถาสำคัญอีกหลายบท แถมยังมีคาถาใหม่เกี่ยวกับแร่เงินกับดวงจันทร์เข้ามาอีก เพราะความซุกซนระหว่างทาง ทำให้เขามีสายเลือดมนุษย์หมาป่า เมื่อถูกคุณคาเรนผู้เป็นต้นตระกูลเมสันในร่างของมนุษย์หมาป่าฝังคมเขี้ยวลง เอสตินยังคงมุ่งมั่นที่จะฟื้นคืนคาถาต่าง ๆ ในศาสตร์ส่วนตัวของเขา เพื่อนำพาดวงวิญญาณของใครคนหนึ่งกลับมา “เธอคือใครกันนะ” นั่นคือคำถามที่ติดค้างอยู่ในใจของเขามาโดยตลอด มันคงเป็นดั่งคำสาปที่เขารู้ว่าเธอสำคัญ แต่ไม่อาจจดจำเรื่องราวของเธอได้ แต่การเดินทางครั้งใหม่นี้ ไม่ได้โดดเดี่ยวและเดียวดายเช่นเคย เพราะเขามีสมาชิกแห่งตระกูลบลอสซัมอีก 7 คนอยู่เคียงข้าง โมนีก้า โดโรธี คุรุรุกิ จาเอลล่า ดาเรล โรลองต์ และยาร์ลุง นั่นคือชื่อเหล่าสมาชิกของบ้านดอกไม้ ผู้ผลิใบออกดอกส่งกลิ่นหอมรอบกายเขา ══════ ◐ ══════ คุณเป็นพ่อมดแม่มดสายใด : ดำ สิ่งที่ชอบ : พนัน, นอน, ของกินที่ปรุงง่าย ๆ สิ่งที่ไม่ชอบ : เนื้อไม่สุก, จันทร์เต็มดวง, สิ่งของที่ทำจากแร่เงิน อื่น ๆ ที่อยากระบุเพิ่มเติม : ▹ ขอความกรุณาอย่าชวนเอสตินเล่นพนัน เพราะเขามีใจรักในการเล่น แต่ไม่มีดวง เขาหมดตัวหลายครั้งจนต้องขโมยไก่ที่บ้านไปขายใช้หนี้ โปรดสงสารลูกเจี๊ยบที่ขาดแม่ ▹ เอสตินเป็นเจ้าของแกะ 2 ตัวที่ชื่อว่า สตูว์ กับ ย่างเนย และมันอาจกลายเป็นอาหารทุกเมื่อ ดังนั้นโปรดอย่างหลงรักพวกมัน ตราประทับประจำศาสตร์ส่วนตัว : ลิงก์ไปยังความคิดเห็น
กระทู้แนะนำ