Bellarose Metrolynta

✦  WHO IS SHE ?  ✦

                      เบลลาโรส เมโทรลินต้า เด็กสาวธรรมดาผู้ปิดบังตัวตนในอดีตกาล อย่างพระนามเดิม (เบลลาโรส ดาร์เลเน่ เดอ ฟร็องส์เซส) มกุฎราชกุมารีลำดับที่ 1 ของพระเจ้าอดัม เจ้าฟ้าหญิงแห่งราชวงศ์ฟร็องส์ (ประเทศฝรั่งเศสในปัจจุบัน) เกิดในปี ค.ศ. 1324 พ่วงสายเลือดผู้วิเศษเข้มข้นจากบรรพบุรุษฝั่งมารดาที่เป็นชาวซอร์เซอเรียนที่ 2 ผู้พลัดหลงกับคณะเดินทางเมื่อครั้งยังเยาว์วัย (ไม่ทราบเผ่าที่แน่ชัด) ครั้นอยู่ในครรภ์มารดาถูกฝั่งกบฏราชวงศ์ที่มิอาจยอมรับการขึ้นครองราชย์ของเจ้าชาย มาเอล รัชทายาทปลายแถว ลักลอบออกคำสั่งขู่บังคับโหราจารย์ในราชสำนักให้ทำนายโป้ปดว่าพระธิดาน้อยมีดวงชะตาเป็นกาลกิณีบ้านเมือง ส่งผลให้หนึ่งชีวิตที่ยังไม่ลืมตาดูโลกต้องถูกลอบปลงพระชนม์อยู่หลายครา ผู้เป็นแม่ที่ไม่อาจทนอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปจึงใช้ความรู้ด้านเวทมนตร์ที่จำได้เลือนลางประกอบกับความเชื่อจากการเลี้ยงดูของผู้ชุบเลี้ยงชาวแวรี่ หวังเพียงเพื่อฝากฝังชีวิตบุตรสาวให้หนึ่งในเอลิเมนต์ธาตุช่วยคุ้มครอง แน่นอนว่าเอลิเมนต์แห่งมารุตเป็นผู้ตอบรับคำร้องขอนั้น เภทภัยต่าง ๆ จึงไม่สามารถทำอันตรายได้อีกต่อไป แต่หารู้ไม่ว่าพิธีกรรมดังกล่าวได้เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ศูนย์กลางพลังเอลิเมนต์ที่ควรจะมอบแค่ความคุ้มครอง บัดนี้ถูกแบ่งแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคงสถิตไว้ยังอาณาบริเวณวิหารต้นกำเนิด แต่ทว่า อีกส่วนที่ต้องรวมเป็นหนึ่งกลับผูกติดโชคชะตาและถ่ายโอนพลังงานกว่าครึ่งไปยังจิตวิญญาณของเบลลาโรสโดยมิชอบธรรม

✦ DARLENE PART ✦

                      ภายหลังจากสิ้นสุดพิธีกรรม เมื่อประสูติได้ไม่นานพระมารดาได้สูญเสียพลังเวทกะทันหัน  นับเป็นช่องโหว่ให้ทารกลูกครึ่งผู้วิเศษถูกลักพาตัวไปทิ้งกลางทะเล ด้วยความคุ้มครองจากพลังเวทของผู้เป็นแม่และพลังแห่งเอลิเมนต์ ลมทะเลได้หอบเอาร่างเล็ก ๆ ภายในตะกร้าไม้สานนั้นลอยล่องฝ่าความโหดร้ายท่ามกลางพายุฝนอยู่นานแรมเดือน จนไปหยุดที่แคว้นเล็ก ๆ สุดแสนไกลปืนเที่ยง ดินแดนที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน มีระบบปกครองเป็นของตนเองทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการสู้รบ ความพิเศษของทารกผู้รอดชีวิตจากความหนาวเย็น สร้างความสนใจมากพอให้ผู้ปกครองเมืองที่ทารกน้อยนั้นเทียบฝั่งตกลงชุบเลี้ยงเด็กหญิงนิรนาม แม้พื้นที่ดังกล่าวบางฤดูจะต้องต่อสู้กับความโหดร้ายของสภาพอากาศและการขาดแคลนทางอาหาร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เจ้าหญิงน้อยอาศัยอยู่ที่แห่งนี้นานกว่า 16 ปี  ใช้เวลาไปกับการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นและกลายเป็นส่วนหนึ่งกับคนในหมู่บ้านรอบ ๆ เขตการปกครอง ไม่เหลือคราบผู้ถือฐานันดรศักดิ์แห่งราชวงศ์ ดำรงชีวิตภายใต้ชื่อใหม่อย่าง 'ดาร์เลเน่' 

ความอ่อนหวานที่แฝงในนามเป็นที่รู้กันในแวดวงผู้มีฝีมือสู้รบ ว่าตัวจริงสุดแสนจะปราดเปรียวว่องไว ร่างอรชรยามเคลื่อนไหวดูพริ้วไหวดุจสายลม เฉลียวฉลาด ใจหาญแลบ้าบิ่นเกินหญิงใดในแคว้น แม้เนื้อแท้ในวัยเด็กจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา เสียสละ และชอบการได้รับความทะนุถนอม แต่เพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งแม่ทัพผู้คุมศึก ทั้งยังต้องคอยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ เมสัน ผู้เป็นพ่อบุญธรรมที่ภายหลังเมื่อเธอกลับสู่ฐานันดรได้กลายรับตำแหน่งพ่อทูนหัวควบด้วย สิ่งแวดล้อมทั้งหมดหล่อหลอมให้เธอกลายเป็นคนที่แข็งกระด้างจนคล้ายไม่เห็นหัวผู้ใด ถูกสั่งสอนให้เก็บซ่อนความอ่อนแอให้ลึกสุดหัวใจ และเมื่อแสดงด้านอ่อนไหวออกมา ก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะได้รับการแยแสจากผู้เป็นบิดา แต่ถึงกระนั้น เด็กสาวก็มักจะโยนความคิดฟุ้งซ่านออกไปด้วยการหางานอดิเรกใหม่ ๆ โดยไม่ทิ้งทักษะที่ร่ำเรียนมา อาทิ การออกไปล่าของล้ำค่า  “ลูกสาวในอุปการะของท่านเจ้าเมือง แม้กิริยาไม่งามตามมาตรฐานหญิงชาวฟร็องส์ แต่เสน่ห์จากนัยน์ตาคู่คมแสนหยิ่งทะนง ผสานกลิ่นกุหลาบป่าเย้ายวนใจ ทั้งเครื่องประดับเรียบโก้และอาภรณ์คล่องตัวที่สวมใส่นั้นดึงดูดสายตาผู้พบเห็นให้หลงใหลมานักต่อนัก”

✦ HOW SHE DIED ✦

TW : BLOOD, MURDER, MASSACRE

(ไม่มีภาพประกอบ 100 %)

                      แน่นอนว่าโชคชะตาหวนคืนสู่บัลลังก์ของเด็กสาวไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ วันเวลาผ่านไป ราชินีผู้เป็นแม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของลูกสาวรับรู้ได้ด้วยจิตของผู้วิเศษดั้งเดิมไปพร้อม ๆ กับที่ฝ่ายข้าราชการบางฝ่ายในพระราชวังปล่อยข่าวโคมลอย หนึ่งในนั้นคงไม่พ้นเรื่องสายเลือดที่แท้จริงของราชีนีและมกุฎราชกุมารีที่ 1 แพร่สะพัดออกไปเป็นวงกว้าง กลุ่มกบฏที่คิดจะยึดอาณาจักรมาตั้งแต่แรกจึงพร้อมใจปรากฏตัวขึ้นทุกมุมเมืองเพื่อล่าหัวรัชทายาทผู้หายสาบสูญ ความกลัวเกินกว่าเหตุว่ากองทัพจะพ่ายแพ้ต่อเผ่าพันธุ์ผู้วิเศษที่บัดนั้นสำหรับแวรี่นับว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายจำต้องกำจัดให้สิ้นซาก เป็นชนวนเหตุไปสู่การเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่บางคนไม่แม้จะรู้ถึงต้นสายปลายเหตุ

ในที่สุดการทำลายล้างก็เหมือนจะยอมสงบลงเมื่อรัชทายาทตัวจริงถูกพบและส่งตัวกลับอย่างปลอดภัยโดยคนของพระราชา ส่วนหนึ่งมาจากการช่วยเหลือของนายเมสันที่รับรู้ถึงยศฐาบรรดาศักดิ์ลูกสาวอุปการะของตนตั้งแต่แรก ท่ามกลางงานพระราชพิธีเฉลิมฉลองการกลับมา ชาวฟร็องส์เริ่มไม่แยแสข่าวลือไม่มีมูล พากันออกมาอำนวยชัยแก่เจ้าหญิงผู้เป็นดั่งหัวใจหลักของอาณาจักร แต่อีกฟากฝั่งของแผ่นดินที่เงียบสงบ ความวินาศสันตะโรได้เดินทางมาเยือนแคว้นที่เป็นแหล่งพำนักของชาวป่าหิมะและพ่อทูนหัวของเธอ อนิจจา ความเคียดแค้นของกองทัพเหี้ยมโหดไร้หัวใจ ระบายความเลวระยำลงกับโลหิตชาวบ้านป่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า เบลลาโรสที่ทราบเรื่องภายหลังเร่งออกเดินทางสุดกำลังเพื่อหวังสกัดกั้นเหตุ แต่ทุกอย่างสายเกินควบคุม ไม่มีผู้ใดเหลือรอดกลับมาอย่างมีลมหายใจ บ้านเรือนที่เคยอยู่อาศัยถูกเผาทำลายทุกหลังคาเรือน ผืนดินที่เคยขาวโพลนจากก้อนหิมะบัดนี้เคลือบสีแดงฉาน ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำคาวคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือดหนองจากศพที่ถูกฆาตกรรมอย่างทารุณไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเล็กในอ้อมอกพ่อแม่ คงไม่ต้องบรรยายถึงความทรมานสุดแสนสาหัสของพวกเขาก่อนจะสิ้นใจ

 “ พวกเจ้าต้องไม่ตายดี !!!! ”

                       เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของเด็กสาวดังท่ามกลางความเย้ยหยันจากกองทัพศัตรู ช่างเป็นภาพบรรยากาศที่น่าสะอิดสะเอียนเกินกว่าจะรับไหว ธนูเพลิงนับร้อยนับพันเตรียมแผลงศรมายังเจ้าฟ้าหญิงหมายจะปลิดชีวิต แต่หาได้สร้างความสะทกสะท้านแก่เจ้าตัว ความสูญเสียจากการถูกพรากครอบครัวแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธครอบงำดวงจิตจนมืดดำ ความสับสนสิ้นหวังประเดประดังกัดกินก้อนหัวใจเหลือเพียงความแค้นรอสะสาง แม่มดสาวถึงคราวระเบิดพลังจากสายเลือดผู้วิเศษที่ซ่อนเร้น ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับเอลิเมนต์ธาตุตอบรับจิตอาฆาตเจ้าของร่าง เกิดเป็นสายลมร้อนแห่งความพิโรธโหมกระหน่ำซัดปลายศรเปลี่ยนทิศแลตรงดิ่งไปยังกองทัพแวรี่คลั่งตายตกกว่า 1,000 ชีวิต ภายในพริบตาเดียว 

แต่สิบเท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง เก่งกาจถึงเพียงใด แต่ กำลัง 1 ต่อ 1 พัน ชัยชนะย่อมเป็นไปได้ยาก เธอต้องระหกระเหินหนีตายจากพิษศรที่ทิ่มแทงในสนามรบ จนใกล้จะถึงวาระสุดท้ายของชีวิน มนตราแห่งเอลิเมนต์ที่คอยคุ้มครองภัยอันตรายนำพาร่างเจ้าหญิงกลับไปยังพื้นที่คู่ขนานระหว่าง วิหารเอลิเมนต์ และ โลกแวรี่ เด็กสาวเข้าใจว่าแท่นโลหะที่พบเห็นในตอนนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงได้อ้อนวอนขอพร ในขณะที่ลมหายใจน้อย ๆ เริ่มรวยรินจนถึงเฮือกสุดท้าย เสียงหัวเราะแห่งชัยชนะจากเหล่าผู้ที่ได้รับการนับถือเป็นดั่งทวยเทพที่รอวันนี้มาอย่างเนิ่นนานก็ได้ดังผสานกันกึกก้องทั่ววิหาร

✦ INTO THE SORCERY WORLD ✦

 
                       แม้จะสามารถปกป้องอาณาจักรให้รอดพ้นมือมาร และคืนความผาสุกแก่ราษฎรได้สำเร็จ แต่ด้วยผลที่กระทำต่อทหารแวรี่ รวมถึงเปิดเผยการมีอยู่ของพลังธาตุอย่างไม่สมควร ร่างที่ยังไม่เสื่อมสลายถูกกักไว้ยังไอมารุตด้วยมนตร์แห่งเอลิเมนต์ในที่ซึ่งมีห้วงเวลาไม่แปรผันตามมิติอื่น ๆ ในสภาพเจ้าหญิงนิทราตราบนานเท่านาน เวลาผ่านไปกว่า 700 ปี เรื่องราวบางส่วนของเธอกลายเป็นตำนานเล่าขานโดยสื่อแวรี่หลายแขนง แม้จะห่างไกลความเป็นจริงไปไกลโข แต่หามีผู้ใดรู้จักนามที่แท้จริงของเธอ บัดนี้ ประวัติศาสตร์ได้ลืมความจริงไปหมดแล้ว การกักขังเบลลาโรสไว้ในไอมารุตก็ไม่เกิดการถ่ายโอนพลังคืนถิ่นอย่างที่เหล่าผู้ใช้พลังแห่งเอลิเมนต์วาดหวัง จึงถึงคราวสร้างอุบายว่าได้รับพรให้ฟื้นขึ้นจากนิทรา และส่งมายังโลกเวทมนตร์อันเป็นถิ่นกำเนิดของมารดา โดยที่เธอเองไม่อาจล่วงรู้ พรวิเศษที่ผู้อ้างตนเป็นเทพได้ประทานให้เป็นรางวัลนั้น แท้จริงมันแฝงไปด้วยเจตนาที่ต้องการเอลิเมนต์กลับคืนวิหาร นับเป็นหนึ่งในพิธีกรรมของผู้เป็นดั่งทวยเทพเหล่านั้นที่ใช้เพื่อหลอมจิตวิญญาณเด็กสาวเข้ากับพลังมารุต ผลลัพธ์ของมันคือรวมจิตเดิมให้เป็นหนึ่งเดียว ยอมถูกดูดกลืนวิญญาณเรื่อย ๆ และรอวันดับสูญไปในที่สุด และแน่นอนว่านามสกุล เมโทรลินต้า เป็นเพียงนามสกุลสมมุติเพื่อปกปิดสถานะตัวตนที่แท้จริง

*เอลิเมนต์แห่งธาตุถือเป็นศาสตร์เบื้องสูง เมื่อถูกแยกเสี้ยวออกไปผูกกับสิ่งใดย่อมไม่สามารถดึงออกจากร่างนั้น ๆ ได้ในทันที วิธีอันเชิญพลังกลับวิหารคือปล่อยให้ธาตุที่วนเวียนในสิ่งนั้น ๆ ดูดกลืนพลังวิญญาณผู้โดนผูกติด และต้องไร้ซึ่งความรู้สึกรักในระยะที่โดนกัดกินไปเรื่อย ๆ จนกว่าเสี้ยวดวงจิตเดิมจะไม่มีเหลือ กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันตราบนานเท่านาน

✦ à la beauté éternelle ✦

                      คืนจันทราแรกของปี คศ. 2022 เสี้ยวความเป็นครึ่งมนุษย์ของเบลลาโรสได้ถูกทำลายลงอย่างไม่มีทางได้หวนกลับคืนจากการที่เธอตัดสินใจเข้าร่วมพิธีการเปลี่ยนสายเลือด โดยภายหลังเจ้าตัวไม่สามารถอธิบายต้นสายปลายเหตุที่กระทำการเช่นนั้น หรือแม้แต่จะสืบเสาะหาจากความทรงจำที่ถูกบิดเบือน เมื่อลมหายใจเฮือกสุดท้ายถูกช่วงชิงโดยวีล่าสาวตระกูลนัวร์ผู้ทำพิธี ความเจ็บปวดเหือดหายไปราวกับถูกปัดเป่า บัดนั้น ความสุขสมยามผิวกายต้องแสงบุษกรจะเข้ามาแทนที่ พลังและความงามชั่วนิรันดรคือสิ่งตอบแทนผู้กล้า ในขณะเดียวกันความทุกข์ระทมจากคำสาปสายเลือดจะกลับมาช่วงชิงลมหายใจอีกครั้ง เมื่อร่างกายนี้อยู่ใต้ผืนฟ้าที่ปราศจากแสงจันทราหรือริอาจมอบความรักให้ผู้ใด ความเจ็บปวดจะกลายเป็นศรพิษคอยทิ่มแทงวนซ้ำไม่รู้จบสิ้นชั่วกาลอสงไขย เช่นเดียวกับมหันตภัยสุดแสนพิศวงที่ซ่อนอยู่ภายในจะเริ่มฟื้นคืนชีพขึ้นละนิด

       ✦ THE ONLY ONE LITHA  30TH GENERATION ✦

                      เบลลาโรสตัดสินใจเข้ารับการสัมภาษณ์เพื่อเข้าสู่การคัดเลือกนักเรียนผู้มีคุณสมบัติสำหรับสถาบันเวทมนตร์แห่งเดียวในซอร์เซรา เธอสานต่อเจตนารมณ์ที่หลงเหลืออยู่ของพระมารดาผู้มีสายเลือดซอร์เซอเรียน เรียนรู้ที่จะเข้าสังคมไปพร้อมๆกับการศึกษาเล่าเรียน และรวมไปการถึงใช้ชีวิตตามวิถีผู้วิเศษอย่างที่พึงกระทำ จิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญมุ่งมั่น ดุจดั่งประกายสีทองเจิดจรัสสู้ดวงสุริยัน นำพาให้อดีตเจ้าหญิงถูกคัดเลือกเข้าศึกษาพร้อมเปลี่ยนสถานะเป็นนักเรียนเอลฟ์ชั้นปีที่ 1 และเป็นแม่มดสาวเพียงหนึ่งเดียวในรุ่น 30 ที่ได้สังกัดบ้านลิธา

เชิงอรรถ:

เทพ วิหารแห่งเทพ และพลังเอลิเมนต์ลม

เทพ เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่ก่อตัวขึ้น ตั้งอยู่และมีพลังได้ตามความเชื่อของแวรี่ โดยกลุ่มเทพที่ถูกดึงพลังมาปกป้องเบลลาโรส เป็นเพียงหนึ่งในหลายกลุ่มเท่านั้น

เทพกลุ่มที่กล่าวถึงนี้อาศัยอยู่ในอาณาบริเวณวิหาร ศูนย์กลางแห่งพลังซึ่งถูกเรียกและเข้าใจว่าเป็นอีกหนึ่งมิติเฉพาะซึ่งมีฐานบนเบสิโค ไม่ใช่มิติอื่นทั้ง 7 ตามเซตติ้งของโลกเวทมนตร์ และมีพลังในการทำสิ่งต่าง ๆ โดยการหยิบยืมพลังจากเอลิเมนต์โดยตรง โดยพลังเอลิเมนต์ที่กลุ่มเทพเหล่านี้ใช้งานได้แม้จะมีอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้ไร้ข้อจำกัด เป็นเหมือนพลังกองกลางที่ใครก็สามารถหยิบยืมไปใช้ได้ และจะถูกถ่ายคืนเมื่อการใช้พลังนั้น ๆ สิ้นสุดลง แต่เมื่อพิธีการขอรับการคุ้มครองจากเอลิเมนต์ผิดพลาดทำให้พลังครึ่งหนึ่งที่เทพเหล่านี้จะใช้งานได้หายไป และไม่ถูกเติมเข้ามาดังเดิม ทำให้เหล่าเทพใช้พลังได้ไม่เท่าเดิม

พลังไม่สามารถมองเห็นได้จากในกายของเบลลาโรส เนื่องด้วยแท้จริงมันไม่ได้ถูกเก็บไว้แต่แรก แต่พลังถูกส่งออกผ่านทางกายของเบลลาโรสซึ่งมีสายเลือดของผู้วิเศษอยู่ พลังนั้นไม่ถูกส่งกลับแหล่งกักเก็บเดิมเนื่องด้วยความพิเศษของร่างกายนี้ และนั่นทำให้ร่างกายของเบลลาโรสมีลักษณะพิเศษที่สามารถเรียกใช้พลังธาตุลมได้มากขึ้นเมื่อมีระดับที่สูงขึ้น รวมถึงเป็นทางผ่านของเอลิเมนต์ธาตุลมได้ (คุณสมบัติคล้ายกับแหล่งพลังของเทพกลุ่มที่ได้กล่าวถึง) และยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็นวีล่าจึงทำให้มีความสัมพันธ์กับเอลิเมนต์ธาตุลมมากยิ่งขึ้น

เหล่าเทพที่สูญเสียพลังต้องการพลังของตนคืน แต่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่สามารถนำคืนมาได้ การฆ่าเบลลาโรสเองก็ไม่ใช่หนทางแห่งการได้พลังคืน ซ้ำพลังที่ควรมีได้อาจจะสูญหายไปตลอดกาล จากเวลาที่ล่วงเลยมานานนับ 700 ปี จึงได้ลองส่งเบลลาโรสมายังซอร์เซรา โดยลวงหลอกว่าเป็นพรที่ให้ฟื้นคืนชีวา แต่แท้จริงมีจุดประสงค์ในการสรรหาวิธีนำพลังกลับคืน